การจากกันครั้งนี้ก็เพื่อรอเวลาที่จะได้กลับมา พบกันใหม่อีกครั้ง

เป็นความทรงจำครั้งหนึ่งที่ไม่อาจลืมเลือนเลย ค่ะ มันต่างกับการที่เราได้ดูจากโทรทัศน์ จากการอ่านในหนังสือ จากการฟังคนอื่นๆ บอกเล่าเรื่องราว มันเป็นประสบการณ์แห่งความทรงจำที่ยังอยู่ในภาพประทับใจเสมอ และตลอดไป
การเป็น  “ครูอาสา”   ครั้งแรก ในช่วงระยะเวลาเพียงแค่ 4 วันที่ได้อยู่ ณ บ้านแม่ฝางหลวงนั้น มันกลับสร้างเรื่องราวดีๆ  ให้เกิดขึ้นมากมาย  เราได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัส เรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี ของชนเผ่าลาหู่   ได้เข้ามาสัมผัสกับสิ่งที่เป็นจริงอีกด้านกับการเป็นครูอาสาที่นี่
ใน ความเป็นจริงแล้วการมาครั้งนี้ของเราในความคิดภาพแรก เรายังนึกไม่ออกด้วยซ้ำ ว่าเราจะให้ความรู้พวกเค้าได้มากแค่ไหน อย่างไร แต่แค่มีใจที่อยากจะมาเท่านั้น และคิดว่าน่าจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะสามารถทำได้ พอถึงเวลาจริงๆ นั้น เรากลับพบว่า สิ่งที่เราได้สอนให้พวกเค้าไปนั้นกลับไม่ใช่ ความรู้ วิชาการ ที่มีอยู่ในห้องเรียน แต่กลับเป็น ความสามัคคีในการทำกิจกรรมต่างๆ ระหว่างครูด้วยกัน ครูกับเด็ก และแม้แต่เด็กกับเด็กเอง
และเราก็ได้พบ ว่าเราได้กลับไปพร้อมกับ มิตรภาพ ความรัก ความเอาใจใส่จากครูอาสาด้วยกันเอง ที่เราไม่เคยคาดคิดว่าจะได้จากคนที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน  เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ความไร้เดียงสา และความสดใสของเด็กๆ ทำให้เรารู้สึกอิ่มเอมใจทุกครั้งที่ได้มอง  การที่เราได้เป็นที่รักของเด็กๆ มีคนคอยเดินตามเราตลอด มือที่คอยจับ ที่คอยดึงเรา โดยเฉพาะน้อง ศิริพร ที่แทบจะไม่ห่างจากเราเลยตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น อีกทั้งเจ้าประสิทธิ์ตัวแสบที่ชอบแกล้งครูอาสาทุกคนเสมอๆ แต่ก็แปลกดีที่มันทำให้เราคิดถึงเค้าอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งกลางคืนที่รอบกองไฟ (ในการขึ้นไปที่นั่นในครั้งที่สองของเรา) เด็กๆ ก็อยากที่จะอยู่กลับครูอาสาให้นานเท่าที่จะนานได้ ทั้งๆ ที่ แค่มองไปก็รู้แล้วว่าพวกเค้าง่วงนอนกันมากแค่ไหน หนึ่งในนั้นที่ไม่เคยลืมก็คือ ปะติ๊ ที่ง่วงมากขนาดกาแฟก็ยังเอาไม่อยู่ จนในที่สุดก็ต้องนอนหน้ากองไฟบนตักของเราเนี่ยแหละ แต่อยากจะบอกว่าในตอนนั้นรู้สึกอบอุ่นมากมายเลยค่ะไม่รู้ทำไม ทั้งที่อากาศก็ยังคงเย็นอยู่
และสิ่งที่ทำให้รู้สึกประทับมากๆ อีกสิ่งหนึ่งคือ เมื่อได้ใส่ชุดของชนเผ่า ที่เจ้าบ้านแต่ละบ้านได้เตรียมไว้ให้ (ที่สำคัญมีคนชมด้วยว่าใส่แล้วสวยดี 555) ออกไปเต้น จะคึ กับทุกๆ คน ทั้งๆ ที่เราเต้นผิดเต้นถูก เพราะไม่มีความสามาถในด้านนี้จริงๆ แต่ก็รู้สึกสนุกมาก และ โคมลอยที่ชาวบ้านได้เตรียมไว้ให้พวกเราได้ปล่อยกัน เค้าบอกว่าจะปล่อยความทุกข์ ความโศก ให้ออกไปจากชีวิตเรา (และนี่ก็เป็นการปล่อยโคมครั้งแรก ที่มีความสุขมากๆ เลย) จากนั้นก็ยังมีการผูกข้อไม้ข้อมือจากพ่อแก่แม่เฒ่าในหมู่บ้าน  ทั้งหมดที่ได้รับจากบ้านแม่ฝางหลวง นี้มันทำให้เรารู้สึกได้ว่าเราได้รับความ สุขกลับไปมากมายเหลือเกิน
และเมื่อถึงวันที่จะต้องกลับนั้น เราก็เชื่อว่าทุกสิ่ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงวันเวลาที่ผ่านมา เพียงไม่กี่วันนั้นก็คงจะถูกเก็บ ไว้ในความทรงจำของครูอาสา และเด็กๆ ทุกคนเช่นกัน  และการจากกันครั้งนี้ก็เพื่อรอเวลาที่จะได้กลับมาพบกันใหม่อีกครั้ง ^ ^

ปล.ต้องขอขอบคุณ ครูต้อม ที่จัดโครงการดีๆ อย่างนี้ขึ้นทำให้พวกเราได้มีโอกาสดีๆ แบบนี้
ขอบคุณ กิมลั้ง และ พี่มาร์ค ที่ส่งกิจกรรมดีๆ แบบนี้มาให้
สุดท้าย ขอบคุณ พี่ๆ น้องๆ และเพื่อนๆ ทุกคน ที่ดูแลกันมาดีโดยตลอด  ขอบคุณมากๆ ค่ะ /\(^o^)

S^O^M

Copy Protected by Chetan's WP-Copyprotect.