คนไทย น้ำใจไม่เคยแห้ง ภาค ๒

หลังจากเหตุการณ์ครั้งที่ ๑ ห่างกันประมาณ ๒ สัปดาห์ ก็มีเหตุการณ์เกิดกับผมในลักษณะคล้าย ๆ กัน คือเหมือนจะได้รับการปฏิเสธในตอนแรก แต่ก็ได้รับการตอบรับในเวลาต่อมา

เหตุการณ์ที่ ๒ เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ผมกลับจากอบรมครูในโครงการ กพด. ของสำนักงาน กศน.ภาคเหนือ ที่จังหวัดลำปางได้โดยสารรถยนส่วนตัวของครูอาสาด้วยกัน กลับมาถึงจังหวัดเชียงใหม่ ประมาณ ๑๔. ๔๐ แน่นอนผมไม่ทันรถเมล์ที่จะวิ่งเข้าอำเภออมก๋อย ที่ออกไปแล้วเมื่อเวลา ๑๔.๐๐ น. เนื่องจากรถเมล์เข้าอมก๋อยจากเชียงใหม่มีวันละ ๒ คันคือ ๐๘.๐๐ กับ ๑๔.๐๐) แต่ผมคาดว่ารถคันที่ผมขึ้นนั้นจะมาทัน หรือเกือบทันรถเมล์โดยสารคันที่วิ่งเข้าอำเภออมก๋อยที่กะไว้ประมาณว่าที่ อำเภอฮอด เพราะปกติรถจะออกจากอำเภอฮอดเพื่อเข้าอมก๋อยในเวลา ๑๖.๑๕ ผมมาถึงอำเภอฮอดเวลา ๑๖.๒๕ ช้าไป ๑๐ นาที ผมพลาดรถเมล์อีกแล้ว

ผมพยายามสอบถามจุดที่เดินผ่าน เพื่อจะหามอเตอร์ไซด์รับจ้างให้ไปส่ง โดยขับไล่ให้ทันรถเมล์ที่เพิ่งออกไปเมื่อ ๑๐ นาที่ที่แล้ว แต่น่าเสียดายฮอดเป็นอำเภอกันดาร ไม่มีมอไซด์รับจ้างมาเข้าวินรอผู้โดยสาร ผมจึงไปปรึกษาร้านค้าที่อยู่ใกล้กับจุดที่รถเมล์จากอำเภอฮอดไปอมก๋อยและยืน รอเพื่อตัดสินใจ๕ นาทีผ่านไป มีรถพยาบาลเขียนว่า “รถฉุกเฉิน รพ.แม่ลาน้อย” เปิดไฟเลี้ยวซ้ายเพื่อจอดซื้อน้ำในร้านมินิมาร์ทข้างถนนเลยจุดที่ผมยืนอยู่ ออกไป ๒๐ เมตรเจ้าของร้านให้ผมวิ่งตามไปเพื่อขอความช่วยเหลือ ผมจึงออกวิ่งเกียร์ ๕ โดยทันที

เมื่อไปถึงรถพยาบาล ผมไปที่ด้านหน้ารถแล้วแจ้งคนขับว่า “ผมตกรถเมล์ไปอมก๋อยครับ ขอติดรถไปลงแยกกิ่วลม แล้วผมจะหาทางไปอมก๋อยของผมเอง” แน่นอนระยะทาง ๘๙ กิโลเมตร แต่ผมขอติดรถเขาไปประมาณ ๔๐ กิโลเมตร อีก ๔๙ กิโลเมตร ผมจะต้องเสี่ยงไปหารถเอาข้างหน้าเพื่อจะไปให้ถึงอมก๋อยอาการที่แสดงออกทางสี หน้าของคนขับ ทำให้ผมเกือบหมดหวังไปในทันที เขาได้กล่าวขึ้นว่า “ต้องถามผู้โดยสารในรถดูก่อนก่อน”

ผมเดินย้อนกลับมาที่ประตูของรถตู้ พร้อมกันนั้นประตูได้เปิดออก พร้อมกับคำอนุญาตให้ผมขึ้นรถ และยังขยับที่นั่งในรถซึ่งมีเบาะที่นั่งเดียวให้ผมนั่งเข้าใจว่าในรถคงได้ ยินผมคุยกับคนขับแล้ว คุณลุงผู้ใจดี อายุประมาณ ๕๐ ปี พร้อมกับน้องชายยิ้มให้ผมแบบมีไมตรีจิต ผมได้แต่คิดขอบคุณในใจสังเกตุจากสีผิว ไม่ถามก็รู้ว่าเป็นคนธรรมดาสามัญชาวบ้านทั่ว ๆ ผมก้าวขึ้นไปนั่งเบาะในรถพยาบาล พร้อมกับหันไปสำรวจในรถเห็นมีผู้ป่วยนั่งในเปลพยาบาล กึ่งนั่งกึ่งนอนอีก ๑ คน เข้าใจว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ของคุณลุง (พ่อ)

แล้วผมก็แนะนำตัวเอง พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่ทำให้ผมพลาดรถเมล์ไปอมก๋อยให้คุณลุงฟัง คุณลุงก็ชวนคุยเรื่องอมก๋อย และถามว่ามาอยู่นานหรือยังผมตอบแบบผู้มาใหม่ว่า “เพิ่งมาอยู่ได้ไม่นานครับ และเคยนั่งรถเมล์ไปกลับ ๒ – ๓ รอบแล้ว”

ผมประมวลเหตุการณ์เองหลังจากพูดคุยกับคุณลุงใจดี ที่คนขับแสดงสีหน้าปฏิเสธผมในตอนแรกเพราะรถพยาบาลคันนี้ คุณลุงใจดี(ไม่ได้ถามชื่อ)ญาติผู้ป่วยคงจ่ายค่ารถจำนวนมากพอสมควร เพื่อไปส่งตัวผู้ป่วยให้แพทย์ที่เชียงใหม่วินิจฉัยโรค ในตอนเช้า ขณะนี้กำลังจะกลับไปรักษาตัวต่อที่ โรงพยาบาลแม่ลาน้อยคนขับจึงไม่กล้าตอบรับให้ผมขึ้นรถในทันที และให้ผมไปสอบถาม คนที่เป็นผู้โดยสารในรถ เป็นผู้อนุญาตด้วยตัวเอง

รถพยาบาลวิ่งออกจากอำเภอฮอดเร็วมาก ผมไม่เคยนั่งรถวิ่งเข้าโค้งเร็วขนาดนี้ แถมยังแซงมาตลอดทาง ในใจก็กลัวรถพลิกคว่ำ มือก็หาที่ยึดเกาะไม่ปล่อยตลอดทาง
เลยอุทยานแห่งชาติออบหลวงมาสัก ๕ กิโลเมตร ผมมองเห็นรถเมล์โดยสารจะเข้าอมก๋อย ซึ่งรถพยาบาลวิ่งมาด้วยความเร็วและได้แซงรถเมล์มาแล้วคุณลุงใจดี หันมาพูดกับผมว่า นั้นไงรถเมล์เข้าอมก๋อย ไม่ต้องโบกรถไปแล้ว ดีใจด้วยนะ ผมก็พยักหน้าตอบพร้อมาพูดว่า “ครับ” ผมดีใจที่จะมีรถเข้าอมก๋อย ชั่วอึดใจต่อมม ผมจึงบอกคนในรถว่า “ผมขอลงตรงสถานีตำรวจบ่อหลวง ก็แล้วกันครับ เพราะผมมีรถโดยสารเข้าอมก๋อยแล้ว”

ผมลงจากรถพยาบาลที่สถานีตำรวจบ่อหลวง เป็นสถานีเล็ก ๆ มีไว้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งจุดนั้นเป็นจุดกางเต้น มีต้นสนภูเขา สวยงามตลอดข้างทางเข้าไปขอเข้าห้องน้ำ และรอรถเมล์อยู่ที่นั่น เพื่อต่อรถเข้ามายังอมก๋อย

ขอขอบคุณ นายตำรวจใจดี ที่ให้ตำรวจที่เป็นคนขับจอดรถรับผม และมาส่งผมที่รถเมล์โดยสารเข้าเชียงใหม่ ได้ทันเวลาขอขอบคุณ คุณลุงใจดีที่อนุญาตให้ผมนั่งมากับรถพยาบาล ที่มีผู้ป่วยมาในรถ พร้อมกับสละเบาะที่นั่งเดียวที่มีในรถให้นั่ง และมาทันรถเมล์โดยสารเข้าอมก๋อย

คุณความดีหรือผลบุญใดที่ผมได้สั่งสมมาชาติปางก่อนหรือทำมาในชาตินี้ ขอบันดาลผล ส่งไปให้ตำรวจท่านนั้น ได้ประสบความสำเร็จ เจริญเติบโตในชีวิตการงานและบันดาลผลส่งให้ของคุณลุงผู้ใจดีและญาติพี่น้อง มีแต่ความสุข ให้คุณพ่อของลุงที่นอนมาในเปลรถพยายาลให้หายจากโรคภัยที่เป็นอยู่

แม้ผมไม่รู้จักชื่อท่านทั้ง ๒ คน และไม่รู้จักหน้านายตำรวจใจดีด้วยซ้ำ เหตุการณ์ ๒ เหตุการณ์นี้ เหมือนที่ผมเคยอ่านเมล์เรื่อง แบงค์พัน ไม่ว่าอยู่ในกระเป๋าใครหรือจะตกหล่นอยู่ที่ไหน แบงค์พันนั้นก็มีค่าในตัวมันเอง ทุกคนจะมองเห็นค่าของมัน ขอให้ท่านทั้ง ๒ รักษาความดีที่คนธรรมดาสามัญพึงกระทำต่อกันคือสามัญสำนึกและน้ำใจ
ผมจะขอจดจำไปตลอดชีวิตหาไม่ ว่าผมได้รับการช่วยเหลือจากนายตำรวจใจดี และคุณลุงใจดี ท่านได้กระทำลงไป และขอบันทึกเผยแพร่แก่สาธารณชนต่อไป

Copy Protected by Chetan's WP-Copyprotect.