วันเด็กฉัน วันเด็ก บนดอย

6 ม.ค.53 6 โมงเย็น กทม. ไม่น่าเชื่อว่ากรุงเทพฯจะเจอฝนกระหน่ำแต่ต้นปี เพิ่งผ่านพ้นปีใหม่มาไม่กี่วัน และมันยังอยู่ในช่วงฤดูหนาวมิใช่หรือ น้ำท่วมฟุตบาท เห็นสิงห์มอเตอร์ไซด์จูงรถคู่ชีพ เดินลุยน้ำกันขวักไขว่แล้วชักใจเสีย ไอ้เราก็ถอยกลับไม่ได้แล้ว และถ้ามีเหตุให้ต้องจูงรถเหมือนใครหลายคนนั้น คงไม่ต้องไปกันแล้วดงดอยที่ไหน แค่หมอชิตคงไปไม่ถึง……..โชคยังดี…. ไปเถอะไปกัน 8 ม.ค.53 วัยเด็กของเราก็ผ่านมาเนิ่นนาน แต่ความเป็นเด็กก็ฝังรากเป็นฐานพีรามิด ของการเติบโตสู่ความเป็นผู้ใหญ่ (นั่นหมายถึงต่างก็มีความเป็นเด็กอยู่ในตัวกันทั้งนั้น) กิจกรรมวันเด็ก ทั้งเด็กบนดอยและคนคอยดู เกมส์การแข่งขันผ่านไปทีละเกมส์ ๆ ถ้าหากความสนุกและอารมณ์ร่วมที่เพิ่มทวีมีมากขึ้นละก็ ไม่แปลกเลย มันเหมือนเป็นการสะท้อนกลับสู่ความต้องการของตัวเอง และถ้ามีโอกาสก็จะกระโดดเข้าไปหาโดยไม่รั้งรอ เกมชักเย่อรอบชิงฯ บ่งบอกอาการเหล่านี้ได้ชัดเจนที่สุด ณ เวลาสั้นๆแค่ช่วงนาทีนั้น การได้ออกแรงเต็มที่มันเหมือนเป็นช่วงเวลาที่เยิ่นเย่อและยาวนาน ไม่ใช่แค่เพียง สีฟ้าและสีชมพู ที่จับคู่แข่งกันในทีแรก แต่ทั้งสองฟากฝั่งเชือกต่างเพิ่มจำนวนสมาชิกเป็นแถวยาวเหยียด ที่มีทั้งเด็กผู้เข้าแข่ง ผู้ไม่มีสิทธิเข้าแข่งแต่อยาก พ่อแม่พี่น้องของเด็กผู้เข้าแข่ง กรรมการที่ความเป็นกลางไม่เหลือ พี่เลี้ยงของสีทุกสีที่ไม่ใช่แค่สองสีที่กำลังแข่งขัน เหมือนทุกคน ณ ที่นั้นต่างทยอยกระโดดเข้าหาช่องว่าง เพียงสองมือจับของเชือกทั้งสองฝั่งจนยาวเหยียด สุดปลายที่มองไม่เห็นว่าหางแถวนั้นอยู่ที่ไหน ยื้อกันสุดแรง เกิดเป็นภาพที่ให้ความหมายอีกด้านของการแข่งขัน ที่มิใช่แค่เพียงต่างมุ่งหวังเพื่อการเอาชนะ แต่เหมือนต่างต้องการจะยื้อเวลาที่มีร่วมกันนี้ให้ยาวนานออกไป Mr_Ohn

มาอย่างผู้ให้ กลับไปอย่างผู้รับ (V)

รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งร่วมกันเป็นครูอาสา จริงๆไม่อยากให้เรียกครูวีเท่าไร เพราะไม่ได้สอนอะไรเลยนอกจากขานเลขบิงโก ตอน แรกก็กังวลเล็กน้อยที่มากับคนไม่รู้จัก ไม่รู้จะเข้ากันหรือคุยง่ายแค่ไหน พอลงรถมาเห็นแต่ผู้แก่กล้าประสบการณ์ทั้งนั้น มองไปทางไหนก็มีแต่คนทำงาน แต่สุดท้ายท้ายสุดผมว่าตนเองโชคดีที่ได้เจอเพื่อนๆพี่ๆ(+น้าๆ) ที่คุยง่าย อัธยาศัยดี ผมคิดว่าทุกคนเป็นส่วนเติมเต็มของกันและกัน ที่ทำให้กิจกรรมครั้งนี้เกิดความ ประทับใจ ผมรู้สึกโชคดีมากที่ตัวเองเคยเป็นเด็กมาก่อน ^ ^ แต่ในวัยเด็กนั้นผมก็ผ่านเรื่องแย่ๆมาบ้าง ของขวัญเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าผมขาดไปอย่างมาก ผมอยากได้ของขวัญปีใหม่ วันเกิด แต๊ะเอีย แต่น่าเสียดายที่ผมแทบจะไม่เคยได้รับ ทำให้คิดว่าโตขึ้นมีลูกจะแจกมันทุกปีไปเลย (แต่โตมาก็เข้าใจที่บ้านนะครับ) จนมาถึงวันหนึ่งผมคิดได้ว่าคนอื่นๆก็คงคิดเหมือนเรา ขอทานเองก็คงอยากได้ของขวัญวันคริสมาส ของขวัญปีใหม่ เด็กๆด้อยโอกาสเองก็คงอยากได้ของเล่นไม่ต่างจากผม ตั้งแต่นั้นผมก็หาโอกาสทำบุญมากขึ้นและพอเข้ามหาลัยก็คิดว่าต้องไปค่ายสร้าง หรือค่ายอะไรก็ได้ที่ทำประโยชน์ให้แก่คนอื่น ตอนปีสองผมก็เคยไปสอนหนังสือเด็ก ป 5 เทอมนึงทำให้รู้เลยว่าเป็นครูนี่มันเหนื่อยแทบขาดใจจริงๆ อยากจะกลับไปขอโทษครูทุกคนที่ผมไม่ตั้งใจในห้อง…จนวันหนึ่งก่อนปีใหม่ก็มา เจอกิจกรรมนี้จากห้องสยามก็ไม่ลังเลที่จะตกลงว่าจะไป จริงๆก่อนที่จะไปมีหลายอย่างเกิดขึ้นที่ทำให้ผมจะไม่ได้ไป แต่ใจเหมือนมีความรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่เราพลาดไม่ได้ สุดท้ายก็มาถึงหมอชิตทันเวลาขึ้นรถ อยากจะบอกว่ารู้สึกแปลกใจเล็ก น้อยที่กลุ่มครูอาสามีการประชุมกันแบบนี้ คือคิดว่าหลายคนตั้งใจทำจริงๆ อยากให้เด็กๆมีความสุขจริงๆ ตัวผมเองนั้นก็อยากจะช่วยให้มากกว่านี้ แต่ไม่สามารถทำประโยชน์ได้มากเท่าไรนักทำได้แค่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้น ผมหวังจริงๆนะครับว่าจะให้กลุ่มนี้รวมตัวกันแบบนี้ต่อไปและให้โอกาสหรือจะ ปันแสง ให้น้องๆได้ตลอดไป ขอบคุณครูต้อมนะครับที่ทำให้ผมได้มีโอกาสได้ สัมผัสสิ่งที่ผมไม่เคยได้เจอมาก่อนและยังทำให้ผมได้เจอพี่ๆน้าๆที่น่ารัก ขอบคุณจริงๆครับ รู้สึกเหมือนกับประโยคหนึ่งที่เคยอ่านในเน็ตแล้วก็จำได้ ว่าเขาไม่ได้ห้ามนำมาเผยแพร่ต่อ… “มาอย่างผู้ให้กลับไปอย่างผู้รับ”

Copy Protected by Chetan's WP-Copyprotect.